Cr.คุณต้มยำทะเล @pantip จ้า หากระทู้นี้อยู่นานมากกว่าจะเจอะ
Category Archives: other
Bad Piggies
เฮ้ย!!เราลืมตัวละครสำคัญตัวนี้ไปได้ยังไงกันเนี่ยถ้าไม่มีไอ้ตัวนี้แล้วน้องแองกี้เบิร์ดจะไปโมโหใส่ใครกันละเนี่ย
coming soon
(Attack On Titan)โฆษณาฮอลล์
ตกลงมันคือบล็อกแองกี้เบิร์ดหรือไททันกันแน่หว่า
แบร่
ประวัติวันตรุษจีนหรือปีใหม่จีน
ตรุษจีน หรือ เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ (ตัวเต็ม: 春節, ตัวย่อ: 春节, พินอิน: Chūnjíe ชุนเจี๋ย) หรือ ขึ้นปีเพาะปลูกใหม่ (ตัวเต็ม: 農曆新年, ตัวย่อ: 农历新年, พินอิน: Nónglì Xīnnián หนงลี่ ซินเหนียน) และยังรู้จักกันในนาม วันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีของชาวจีนในจีนแผ่นดินใหญ่และชาวจีนโพ้นทะเลทั่วโลก เทศกาลนี้เริ่มต้นในวันที่ 1 เดือน 1 ของปีตามจันทรคติ (正月 พินอิน: zhèng yuè เจิ้งเยฺว่) และสิ้นสุดในวันที่ 15 ซึ่งจะเป็นเทศกาลประดับโคมไฟ (ตัวเต็ม: 元宵節, ตัวย่อ: 元宵节, พินอิน: yuán xiāo jié หยวนเซียวเจี๋ย)
คืนก่อนวันตรุษจีน ตามภาษาจีนกลางเรียกว่า 除夕 (พินอิน: Chúxì ฉูซี่) หมายถึงการผลัดเปลี่ยนยามค่ำคืน
ตรุษจีน มีการเฉลิมฉลองทั่วโลกโดยเฉพาะชุมชนขนาดใหญ่ของคนเชื้อสายจีน ตรุษจีนถือเป็นวันหยุดที่สำคัญมากช่วงหนึ่งของชาวจีน และยังแผ่อิทธิพลไปถึงการฉลองปีใหม่ของชนชาติที่อยู่รายรอบ เช่น ญี่ปุ่นเกาหลีเมี่ยนม้งมองโกเลียเวียดนามทิเบตเนปาลและภูฐาน สำหรับชาวจีนที่อาศัยอยู่ต่างถิ่นกันก็จะมีประเพณีเฉลิมฉลองต่างกันไป ในประเทศไทย
อ่านเพิ่มเติม
ประวัติวันไหว้พระจันทร์ Moon Festival
“เทศกาลไหว้พระจันทร์” เป็นเทศกาลดี ที่มีความเกี่ยวข้องกับตำนาน เรื่องดวงจันทร์ของชาวจีนอย่างแนบแน่น เช่นเรื่อง “ฉังเอ๋อเหินสู่ดวงจันทร์” ถือว่าเป็นเรื่องที่มีชื่อเสียงมาก เป็น การไหว้ครั้งที่ 6 ของปี เรียกการไหว้ครั้งนี้ว่า “ตงชิวโจ่ย”ถือเป็นวันสารทวันหนึ่งของชาวจีน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ ในวันกลางฤดูใบไม้ร่วง ตรง กับวันที่ 15 เดือน 8 ของจีน
ประวัติวันอีสเตอร์ (Easter)
วันอีสเตอร์
วันอีสเตอร์ (Easter) คือ เทศกาลศักดิ์สิทธของชาวคริสต์ เพื่อระลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์
วันอีสเตอร์ คือวันระลึกถึงวันเป็นขึ้นมาจากความตาย ขององค์พระเยซูคริสต์ ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ คำว่า “อีสเตอร์ ” ที่นำมาใช้สำหรับการฉลองนั้นมาจากคำว่า “EOSTRE” ซึ่งเป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งฤดูใบไม้ผลิตของพวกทูโทนิค เป็นเทพเจ้าแห่งการฟื้นคืนชีพ เพราะก่อนถึงฤดูนี้ ต้นไม้ ใบหญ้า ดอกร่วงหล่นเหลือแต่ซาก พอถึงฤดูใบไม้ผลิมันจะกลับผลิดอกออกใบมีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง ฉะนั้นฤดูใบไม้ผลิ จึงถูกนำมาเปรียบกับการเป็นขึ้นมาจากความตาย ของพระเยซูด้วย จึงเรียกวันนี้ว่า “อีสเตอร์”
สัญลักษณ์ของวันอีสเตอร์
อ่านเพิ่มเติม
วันเซนต์แพทริก คือ วันอะไร
เมื่อกล่าวถึงวันเซนต์แพทริกแล้ว คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่สงสัยว่าทำไมต้องเป็นวันที่เกี่ยวข้องกับสีเขียวและ ใบไม้สามแฉกที่แสดงถึงความโชคดี แต่สำหรับชาวไอริชแล้ว ไม่มีเทศกาลใดจะสำคัญไปกว่าเทศกาลเซนต์แพทริก (St. Patrick’s Festival)
ซึ่งจะมีการเฉลิมฉลองกันในวันที่ 17 มีนาคม อันเป็นวันสิ้นชีพของนักบุญแพทริก นักบุญผู้ปกป้องคุ้มครองไอร์แลนด์ โดยประเทศไอร์แลนด์จัดให้เป็นวันหยุดทางศาสนา เช่นเดียวกับบรรดาโบสถ์ในนิกายโรมันคาทอลิกที่กำหนดให้เป็นวันเฉลิมฉลองนัก บุญ ซึ่งใกล้เคียงกับวันเริ่มต้นถือศีลอดของชาวคริสต์พอดี
เซนต์แพ ตทริก คือ นักบุญผู้ปกป้องคุ้มครองไอร์แลนด์ ถ้าเรียกตามสำเนียงไอริชก็ต้องบอกว่า วันชาติของเขาคือ “แพดดีส์ เดย์” (Paddy’s Day) จะสังเกตได้ว่าเกือบทุกแห่งในโลกมีไอริชผับจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชาวไอริชก็เป็นอีกชาติหนึ่งที่กระจัดกระจาย อพยพไปยังส่วนต่างๆ ของโลก นอกจากพวกเขาจะเฉลิมฉลองกันในสาธารณรัฐไอร์แลนด์และไอร์แลนด์เหนือแล้ว ยังมีการฉลองกันในหมู่ชาวไอริชพลัดถิ่นที่แคนาดา อังกฤษ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และนิวซีแลนด์รวมถึงประเทศทางแถบเอเชีย แม้กระทั่งที่ประเทศไทยเราก็จัดให้มีการร่วมขบวนเฉลิมฉลองเทศกาลนี้เป็นปี แรก ณ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ในวันที่ 17 มีนาคม 2554 เช่นกัน
พาเหรด ฉลองเซนต์แพตทริกมีขึ้นครั้งแรกในปี 1761 ถัดมาอีกปีก็จัดอย่างยิ่งใหญ่ที่กรุงนิวยอร์ก โดยทหารเชื้อสายไอริชที่มาประจำการในกองทัพของอังกฤษเป็นผู้นำพาเหรด พร้อมร้อง เล่น เต้นรำกับเพลงไอริชอย่างสนุกสนาน ณ ปัจจุบัน ขบวนพาเหรดฉลองวันสำคัญของชาติไอร์แลนด์ในนิวยอร์กยังนับว่ายิ่งใหญ่ที่สุด นอกไอร์แลนด์ โดยจะมีคนไม่ต่ำกว่า 1.5 แสนร่วมขบวนในแต่ละปี แท้จริงแล้วขบวนพาเหรดนั้นไม่ได้เริ่มต้นที่ไอร์แลนด์แต่อย่างใด แต่จัดขึ้นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา อันมีชุมชนชาวไอริชอยู่มาก โดยสมาคมการกุศลไอริช จัดที่เมืองบอสตัน ในปี ค.ศ.1737 แล้วต่อมาที่นิวยอร์ก จนตอนหลังก็กลับไปยังบ้านเกิดด้วยการที่เมืองต่างๆ ในไอร์แลนด์ จากที่ฉลอง แค่ทางศาสนา ก็ขยับมาจัดเป็นงานฉลองที่ไม่ว่าจะเป็นชาวคริสต์หรือไม่ก็เข้าร่วมงานได้ สนุกถ้วนหน้า การเฉลิมฉลองเซนต์แพตทริกเป็นประเพณีที่ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิและการใช้ชีวิต ท่ามกลางแดดอุ่น ๆ หลังจากที่หลบอยู่ในบ้านด้วยอากาศที่หนาวเย็นมานาน
ธงชาติไอริชและธงประดับสัญลักษณ์ประเทศ อย่าง ใบแชมร็อก ต่างโบกสะบัดที่เมืองมอนทรีอัล ในควิเบก เป็นการฉลองที่ยาวนานหลายวันติดต่อกัน พอๆ กับที่ดับลิน คอร์ก เบลฟาสต์ แดร์รี กัลเวย์ คิลเคนนี ลิเมอริก และวอเทอร์ฟอร์ด ในสาธารณรัฐไอร์แลนด์
จริงๆ แล้ว เครื่องแต่งกายของเซนต์แพตทริกเป็นสีน้ำเงิน ทว่า สีเขียวที่สวมใส่ในงานฉลองนั้นมาจากสีประจำชาติและเป็นหนึ่งในสีธงชาติ ไอร์แลนด์ เนื่องจากใบแชมร็อกมีสีเขียวจึงเชื่อว่าการสวมใส่เสื้อผ้าสีเขียวก็เหมือน กับมีแชมร็อกอยู่บนร่างกาย
แชมร็อก (Shamrock) หรือชาวเคลต์ (ชาวท้องถิ่นดั้งเดิมของไอร์แลนด์) เรียกว่า ซีมรอย (Seamroy) เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีมาตั้งแต่ยุคโบราณบนผืนแผ่นดินไอร์แลนด์ นับเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่ และฤดูใบไม้ผลิ โดยในศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา ใบแชมร็อกถือเป็นเครื่องหมายแสดงความรักชาติของชาวไอริช เนื่องจากโดนอังกฤษเข้ามายึดครอง แถมยังห้ามพูดภาษาไอริช ทั้งห้ามนับถือศาสนานิกายคาทอลิก หลายๆ
คนจึงพากันสวมใส่เสื้อผ้าสีเขียวเพื่อแสดงพลังแห่งชนชาติ และกลายเป็นสีที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในวันเซนต์แพตทริก
ดนตรี อันมีเอกลักษณ์ของชาวไอริชก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยไปกว่าเสื้อผ้าสีเขียว ด้วยว่าเป็นสิ่งที่แยกไม่ออกจากชีวิตและวัฒนธรรมของชาวไอริชเลย ด้วยเหตุนี้เนื้อหาในบทเพลงไอริชจึงมักเล่าเรื่องวัฒนธรรม ศาสนา ตำนาน ประวัติศาสตร์และชีวิต เพื่อการสืบทอดสู่ลูกหลาน โดยเฉพาะหลังจากถูกอังกฤษยึดครองและห้ามพูดภาษาท้องถิ่น พวกนักดนตรีทั้งหลายจึงอาศัยบทเพลงเป็นเครื่องมือในการสืบทอดภาษาเคลต์ของตน เองเพื่อไม่ให้สูญหาย ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทุกวันนี้มีนักร้องนักดนตรีชาวไอริช ที่ร้องเพลงภาษาท้องถิ่นจนโด่งดังไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น เดอะ ชิฟต์เทนส์ เดอะ แคลนซี บราเธอร์ส ซีเนด โอคอนนอร์ หรือแม้แต่รุ่นใหม่ๆ อย่าง เดอะ คอร์ส ก็ต้องมีเพลงภาษาไอริชแทรกเอาไว้ในอัลบั้มเพลงป๊อปของพวกเขา
ชาว ไอริชจะฉลองให้ครบสูตรกันตั้งแต่เช้า เริ่มกันตั้งแต่ไอริช เบรกฟาสต์ หรืออาหารเช้าของเขาที่ประกอบด้วย ขนมปังแบบโฮมเมด สตู และมันฝรั่ง โดยส่วนใหญ่จะดื่มชาคู่กัน แต่ถ้าอากาศยังหนาวมากๆ ก็อาจปิดท้ายมื้อเช้าด้วยไอริชวิสกี้
เมนูสำคัญของวันเซนต์แพตทริกจะ ต้องมีคอร์นบีฟและอาหารที่ทำจากกะหล่ำ ซึ่งนับเป็นเมนูพื้นบ้านดั้งเดิมสุดๆ โดยเมนูหลากหลายจากกะหล่ำนั้นเป็นสิ่งที่ชาวไอริชกินกันทุกวันอยู่แล้ว แต่คอร์นบีฟเป็นสิ่งพิเศษที่เพิ่มขึ้นมาเพื่อการฉลองวันสำคัญของชาติโดย เฉพาะ เหตุที่ไม่ใช่เมนูหรูหราอะไร ก็เนื่องมาจากเมนูดังกล่าวเกิดขึ้นมาจาก “ยุคประหยัด” พวกเขานำเนื้อส่วนที่มีราคาถูก อย่างคอร์นบีฟมาใช้แทนที่ไอริชเบคอนซึ่งราคาสูงเพื่อจะประหยัดเงิน (เป็นวิธีคิดที่เริ่มต้นในกลุ่มชาวไอริชอพยพที่กรุงนิวยอร์กตั้งแต่ศตวรรษ ที่ 17 โดยเป็นการเลียนแบบแนวทางประหยัดทรัพย์มาจากเพื่อนบ้านชาวยิว) และปิดท้ายด้วยเบียร์ดำ ไอริชวิสกี้ หรือไอริชครีม ลิคเคอร์
CR.http://www.konthaiusa.com/variety-article/744-st-patricks-festival.html